วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

บทที่ 5 (3.3) โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีไร้สาย

เครือข่ายคอมพิวเตอร์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     -เครือข่ายประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป
     -ส่วนประกอบที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างง่าย ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ไคลเอ็นต์ และคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์เฉพาะระบบเครือข่ายอินเตอร์เฟซ ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (NOS) ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ, สื่อการเชื่อมต่อ (สายไฟ),การเชื่อมต่ออุปกรณ์สวิทช์ ฮับและเราเตอร์


เครือข่ายในบริษัทขนาดใหญ่


เทคโนโลยีเครือข่าย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      Client/Server Computing  เป็นระบบการทำงานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอยู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไป
      Packet Switching เป็นวิธีการสื่อสารข้อมูลแบบดิจิทอลที่มีการรวมกลุ่มข้อมูลที่จะส่งทั้งหมดตั้งแต่เนื้อหา ชนิดหรือโครงสร้าง โดยจะมีการจัดเป็นบล็อกที่มีขนาดให้เหมาะเรียกว่าแพ็กเกต (Packet)




TCP / IP โปรโตคอล เป็นชุดของกฎและขั้นตอนการปกครองการส่งผ่านข้อมูลระหว่างจุดสองจุดในเครือข่าย
     TCP  จะทำหน้าที่ในการแยกข้อมูลเป็นส่วน ๆ หรือที่เรียกว่า Package ส่งออกไป ส่วน TCP ปลายทาง ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อนำไปประมวลผลต่อไป โดยระหว่างการรับส่งข้อมูลนั้นก็จะมีการตรวจสอบความถูกต้องของ ข้อมูลด้วย ถ้าเกิดผิดพลาด TCP ปลายทางก็จะขอไปยัง TCP ต้นทางให้ส่งข้อมูลมาใหม่
     IP จะทำหน้าที่ในการจัดส่งข้อมูลจากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทางโดยอาศัย IP Address

ความแตกต่างของเครือข่าย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      1.สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal) หมายถึงสัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง (Continuouse Data) มีขนาดของสัญญาณไม่คงที่ การเปลี่ยนแปลงขนาดของสัญญาณแบบค่อยเป็นค่อยไป มีลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกันไป โดยการส่งสัญญาณแบบอนาล็อกจะถูกรบกวนให้มีการแปลความหมายผิดพลาดได้ง่าย เช่น สัญญาณเสียงในสายโทรศัพท์ เป็นต้น
      2.สัญญาณดิจิตอล(Digital Signal) หมายถึง สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง(Discrete Data) ที่มีขนาดแน่นอนซึ่งขนาดดังกล่าวอาจกระโดดไปมาระหว่างค่าสองค่า คือ สัญญาณระดับสูงสุดและสัญญาณระดับต่ำสุด ซึ่งสัญญาณดิจิตอลนี้เป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการทำงานและติดต่อสื่อสารกัน

ประเภทของเครือข่าย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดยทั่วไปการจำแนกประเภทของเครือข่ายมีอยู่ 3 ประเภท คือ
     1. เครือข่ายท้องถิ่น Local Area Network หรือ LAN
     -เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ครอบคลุมภายใต้บริเวณเดียวกัน
     -เชื่อมต่อภายในอาคารบริเวณเดียวกัน
     -เชื่อมต่อเครื่องพีซีตั้งแต่สองเครื่อง รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อใช่ทรพยากรณ์ร่วมกัน
     -หากต้องการเชื่อมต่อระยะไกลขึ้น จะใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณร่วมด้วย
     -มี 3 รูปแบบ คือ แบบบัส (Bus), แบบสตาร์(Star), แบบริง (Ring)

     2. เครือข่ายระดับเมือง Metropolitan Area Network หรือ MAN
     -เชื่อมต่อเครือข่าย LAN เข้าไว้ด้วยกัน
     -ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ระดับเมืองหรือจังหวัด
     -มีแบคโบน ทำหน้าที่เป็นสายหลักในการเชื่อมเครือข่าย

     3. เครือข่ายระดับประเทศ Wide Area Network หรือ WAN
     -เชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆเข้าด้วยกัน
    -ครอบคลุมระดับประเทศหรือข้ามทวีป
    -ติดต่อผ่านช่องทางสื่อสารระยะไกล
    -สายโทรศัพท์ เคเบิล ดาวเทียม
    -เครือข่าย WAN สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เครือข่ายส่วนตัว ( Private Network ), เครือข่ายสาธารณะ ( Public Data Network )

สื่อการรับส่งและความเร็วในการรับส่ง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     -บิตต่อวินาที (bps) คือ จำนวนข้อมูลดิจิทัลทั้งหมดที่สามารถส่งผ่านสื่อโทรคมนาคมใด ๆ ได้
     -เฮิรตซ์ (Hertz) เป็นหน่วยอนุพันธ์เอสไอ (SI) ซึ่งเป็นหน่วยของค่าความถี่ โดย 1 Hz คือ ความถี่ที่เท่ากับ 1 ครั้ง ต่อวินาที (1/s) หรือ : {\displaystyle 1Hz=1/S} {\displaystyle 1Hz=1/S} ดังนั้น 50 Hz หมายถึงมีความถี่เท่ากับ 50 ครั้งต่อ 1 วินาที[2]
     -แบนด์วิดท์ (Bandwidth) คือ ความกว้างของช่องสัญญาณ บอกถึงความสามารถของการส่งข้อมูล ยิ่งกว้างยิ่งส่งข้อมูลได้เร็ว เปรียบได้กับ ความกว้างของถนน

ตัวกลางสื่อสารข้อมูล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      สายคู่บิดเกลียว (Twisted-Pair Cable) ประกอบด้วยสายทองแดง ที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก หลังจากนั้นก็จะนำสายทั้ง 2 เส้นมาถักกันเป็นเกลียวคู่ โดยสายคู่หนึ่งก็จะใช้สำหรับการสื่อสารหนึ่งช่องทาง จำนวนคู่ที่เกิดจากการนำสาย2เส้นมาถักกันเป็นเกลียว ซึ่งอาจจะมีหลายๆคู่ที่นำมารวบเข้าด้วยกันและหุ้มด้วยฉนวนภายนอก การที่นำสายมาถักเป็นเกลียว มีเหตุผลสำคัญคือ ช่วยลดการแทรกแซงจากสัญญาณรบกวน
     สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) หรือมักเรียกสั้นๆว่า สายโคแอกซ์ จะมีช่วงความถี่ หรือแบนด์วิดธ์ที่สูงกว่าสายคู่บิดเกลียว สายมักจะทำด้วย ทองแดงอยู่แกนกลาง และถูกหุ้มด้วยพลาสติกจากนั้นก็จะมีชีลด์หุ้มอยู่อีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน และหุ้มด้วยเปลือกนอกอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สายโคแอกเชียลนี้เป็นสายที่สามารถป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี
     สายไฟเบอร์ออปติค (Fiber optic cable) หรือสายใยแก้วนำแสง เป็นสายที่มีลักษณะโปร่งแสง มีรูปทรงกระบอกภายในตันขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์แต่มีขนาดเล็กกว่า เส้นใยแก้วนำแสงจะเป็นแก้วบริสุทธิ์ โดยแกนกลางของเส้นใยนี้จะเรียกว่า คอร์ และจะถูกห้อมล้อมด้วยแคลดดิ้งและจากนั้นก็จะมีวัสดุที่ใช้สำหรับห่อหุ้มแคลดดิ้งหรือบัฟเฟอร์และตามด้วยวัสดุห่อหุ้มภายนอก
     คลื่นวิทยุ จะกระทำโดยการส่งคลื่นไปยังอากาศเพื่อเข้าไปยังเครื่องรับวิทยุ โดยการใช้เทคนิคการกล้ำสัญญาณ ที่เรียกว่า มอดูเลต ด้วยการรวมคลื่นเสียงที่เป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียงรวมกันทำให้การสื่อสารด้วยวิทยุกระจายเสียงนั้นไม่จำเป็นต้องใช้สาย อีกทั้งยังสามารถส่งคลื่นได้ในระยะทางที่ไกลออกไปได้ตามประเภทของคลื่นนั้นๆ
     อินฟราเรด (Infrared Transmission) มักนำมาใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยการใช้รีโมตคอนโทรล ลำแสงอินฟราเรดจะเดินทางในแนวเส้นตรง สามารถสะท้อนวัตถุผิวเรียบได้ช่วงระยะเพียงไม่กี่เมตร สำหรับข้อเสียของอินฟราเรดก็คือ แสงอินฟราเรดก็ คือ แสงอินฟราเรดไม่สามารถสื่อสารทะลุวัตถุทึบแสงหรือกำแพงที่กีดขวางได้

อินเทอร์เน็ต
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      อินเทอร์เน็ตกลายเป็นระบบการสื่อสารสาธารณะที่กว้างขวางที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีการใช้งานคอมพิวเตอร์และการประมวลผลแบบไคลเอ็นต์ / เซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเชื่อมโยงเครือข่ายส่วนตัวนับล้าน ๆ แห่งทั่วโลก


      ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เป็นองค์กรเชิงพาณิชย์ที่มีการเชื่อมต่อถาวรกับอินเทอร์เน็ตที่ขายการเชื่อมต่อชั่วคราวกับผู้ค้าปลีก มีความหลากหลายของบริการสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ISP มีสายโทรศัพท์และโมเด็มแบบเดิมเชื่อมต่อด้วยความเร็ว 56.6 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps) เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อที่ใช้กันโดยทั่วไปทั่วโลก แต่ได้รับการแทนที่ด้วยการเชื่อมต่อแบบบรอดแบนด์ สายสมาชิกดิจิทัล สายเคเบิล การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม และสาย T ให้บริการบรอดแบนด์เหล่านี้
      เทคโนโลยีสายสัญญาณดิจิตอล (DSL) ทำงานผ่านสายโทรศัพท์ที่มีอยู่เพื่อส่งข้อมูลเสียงและวิดีโอโดยมีอัตราการส่งข้อมูลตั้งแต่ 385 Kbps ขึ้นไปถึง 40 Mbps ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานและระยะทางผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายเคเบิลโดยผู้ให้บริการเคเบิลทีวีใช้สายเคเบิลคู่สายแบบดิจิทัลเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแก่บ้านและธุรกิจ พวกเขาสามารถให้การเข้าถึงความเร็วสูงถึง 50 Mbps แม้ว่าผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีบริการตั้งแต่ 1 Mbpsto 6 Mbps ในพื้นที่ที่ไม่มีบริการ DSL และสายเคเบิลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้แม้ว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมบางแห่งจะมีความเร็วในการอัปโหลดช้ากว่าบริการบรอดแบนด์อื่น ๆ
      T1 และ T3 เป็นมาตรฐานโทรศัพท์ระหว่างประเทศสำหรับการสื่อสารแบบดิจิตอล เป็นสายการให้เช่าที่เหมาะสำหรับธุรกิจหรือหน่วยงานของรัฐที่ต้องการบริการระดับการรับประกันความเร็วสูง สาย T1 มีการส่งมอบที่รับประกันได้ที่ 1.54 Mbps และสาย T3 มีการส่งมอบที่ 45 Mbps

บริการบนอินเทอร์เน็ต
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      บริการอีเมล (E-Mail : Electronic mail) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ คือ บริการการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้กันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง  สะดวก ใช้ง่าย ประหยัด รวดเร็ว ใช้กับงานที่เป็นทางการก็ได้ ไม่เปลืองซอง กระดาษ แสตมป์  ไม่ต้องเดินหาตู้ส่งจดหมาย หรือไปรษณีย์ แนบไฟล์รูปเข้าไปได้ ปัจจุบัน ยังสามารถใส่รูปแบบตัวหนังสือ สีสันจัดหน้าสวยงาม ด้วยรูปแบบ HTML หรือเวิลด์ไวด์เว็บ ก็ได้ อีกทั้งเวิลด์ไวด์เว็บก็พัฒนารูปแบบ ให้ส่งอีเมล์ได้ด้วย เช่น ฮอทเมล์ (Hotmail),ยาฮูเมล์ (Yahoo mail), ไทยเมล์ (Thai mail), เนทแอดเดรส (net address) ฯลฯ
      บริการการถ่ายโอนข้อมูล (File Transfer Protocol หรือ FTP) คือบริการของระบบอินเตอร์เน็ต ให้เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภท ตัวหนังสือ รูปภาพ และเสียง
      บริการการสืบค้นข้อมูล (Gopher, Archie, World Wide Web) คือการใช้อินเตอร์เน็ตในการสืบค้นข่าวสารต่าง ๆ   เช่น การสืบค้นข้อมูลการท่องเที่ยว, การสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวันสำคัญ,บุคคลสำคัญ, เทศกาลต่างๆ เป็นต้นซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายและสะดวกมาก
      บริการ E – Learning (Electronic Learning) คือบริการทางด้าน ICT (Information and  Communication Technology) เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวก ในการจัดการเรียนการสอน การถ่ายทอดความรู้ และการอบรม ต่าง ๆบริการซื้อ-ขายสินค้าและบริการ (E-Commerce) เป็นการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการ เช่น การซื้อขาย หนังสือคอมพิวเตอร์  บริการการท่องเที่ยว ฯลฯ   และปัจจุบันมีบริษัทใช้อินเตอร์เน็ตในการทำธุรกิจบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในปี 2540 ที่ผ่านมา การค้าขายบนอินเตอร์เน็ตมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท
     บริการด้านความบันเทิง (Entertain) อินเตอร์เน็ตมีการบริการด้านความบันเทิง ในรูปแบบบริการต่าง ๆ มากมายและความ หลากหลาย เช่น เกม เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น ซึ่งเราก็สามารถเลือกใช้บริการต่าง ๆเหล่านั้นเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24  ชั่วโมง  และจากทั่วทุกมุมโลกทั้งจากในประเทศและนอกประเทศ

WEB(เว็บ)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นบริการอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการจัดเก็บเรียกค้นการจัดรูปแบบและแสดงข้อมูลโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ client / server ดังนี้
      เว็บเพจ มีการจัดรูปแบบโดยใช้ไฮเปอร์เท็กซ์ด้วยลิงก์แบบฝังที่เชื่อมต่อเอกสารกับอีกคนหนึ่งและเชื่อมโยงเพจกับออบเจ็กต์อื่นเช่นไฟล์เสียงวิดีโอหรือแอนิเมชั่น
     เว็บไซต์ คือชุดของเว็บเพจที่เชื่อมโยงกับโฮมเพจ
     Hypertext Web pages ใช้มาตรฐาน Hypertext Markup Language (HTML) ซึ่งจัดรูปแบบเอกสารและรวมลิงก์แบบไดนามิกเข้ากับเอกสารและรูปภาพอื่น ๆ ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันหรือจากระยะไกล
     Hypertext Transfer Protocol (HTTP) คือมาตรฐานการสื่อสารที่ใช้เพื่อถ่ายโอนข้อมูลบนเว็บ ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณพิมพ์ที่อยู่เว็บในเบราว์เซอร์เช่น http://www.sec.gov เบราเซอร์ของคุณจะส่งคำขอ HTTP ไปยังเซิร์ฟเวอร์ sec.gov เพื่อขอหน้าแรกของ sec.gov
     Uniform Resource Locator (URL) เมื่อพิมพ์ลงในเบราว์เซอร์ URL จะบอกซอฟต์แวร์เบราเซอร์ว่าจะค้นหาข้อมูลที่ไหน ตัวอย่างเช่นใน http://www.megacorp.com/content/features/082610.html
เว็บเซิร์ฟเวอร์เป็นซอฟต์แวร์สำหรับค้นหาและจัดการเว็บเพจที่เก็บไว้ ตั้งอยู่เว็บเพจที่ผู้ใช้ร้องขอบนคอมพิวเตอร์ที่เก็บและส่งเว็บเพจไปยังคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น